[RPF นักบอล] 13 Oct. 2014; 07:39

13 Oct. 2014; 07:39

Manuel Neuer x Atsuto Uchida

 

Warning:

1. ฟิคขัดตาทัพ ไม่ค่อยมีที่มาที่ไปหรอกนะคะ ดูแค่ชื่อเรื่องสิ! นี่มันก็อปแบบเดิมมาเลยนี่หว่า!

2. เป็นฟิคที่จะโยงไปสู่เรื่องต่อไปค่ะ …แต่ก็จบในตัวแหละ ไม่ใช่ตอนสองต่อกัน //เผามาก!! เตือนแล้วนะคะ เผาแบบที่เรียกว่าฮังเกอร์เกมยังอายเลย ต้องรีบเก็บของต่อแล้ว

3. วันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา (อนึ่ง : เมื่อวานนี้) มานูกลับเกลเซนเคียร์เชนบ้านเกิดเพื่อมาเปิดบ้านพักเด็กที่เป็นการทำงานในเครือมูลนิธิของตัวเองค่ะ หล่อ ใจดี สปอร์ต เกลเซนเคียร์เชน มาก //รูปมานูเป็นป๊ะป๋าที่ดีสามารถดูได้ที่หมีแคปในทวิตเมื่อวาน เยอะมาก// และวันที่ 14 ต.ค. ทีมชาติเยอรมันก็จะเล่นในสนามของชาลเก้ค่ะ //สำหรับคนที่ไม่รู้ …..บ้านเกิดของมานูก็คือเมืองของชาลเก้ 04 อุจจี้ก็เลยอยู่แถวๆ นั้นแหละ :3 ใครก็ได้ไปสัมภาษณ์หน่อยว่าเจอกันมั้ย คือปากอุจจี้มันรูดซิปไว้แน่นไปไม่ค่อยพูด

 

ฟิค is มโนภาพ OK? เชิญค่ะ

 

○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○●○

 

 

เจ็ดโมงกว่า

ก่อนเวลาซ้อมประมาณสองชั่วโมง ตรงเวลาสม่ำเสมอทุกเช้า เป็นแบบนี้มาตลอดสี่ปีจนบางทีอัตสึโตะก็รู้สึกว่าทางสโมสรควรจะออกรางวัลให้เขาได้สักอย่างนึงแล้วในฐานะที่เป็นนักเตะที่มาก่อนประจำแบบนี้ เหมือนพวกโล่รางวัลดีเด่นประจำโรงเรียนที่ให้นักเรียนที่มีความประพฤติดีน่ะแหละ

ใช่ว่าอยากจะตื่นซะเมื่อไหร่ ตอนขับรถก็ตื่นเต็มตาดีอยู่หรอก แต่พอลงจากรถ ลมเย็นๆ ปะทะหน้า ก็ได้แต่เดินห่อตัว มองสนามซ้อมด้วยสายตาเบลอจัด

ความจริงอยากซุกอยู่กับเตียงตลอดไปเลยให้ตาย แต่อีกสองชั่วโมง จะได้ลงสนามตอนแดดอุ่นๆ กำลังดี อันนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไม่แพ้กัน อีกอย่าง ไม่อยากให้ใครมาพูดได้ว่าคนญี่ปุ่นขี้เกียจ ไร้ความรับผิดชอบ เพิ่งได้โค้ชใหม่อีกทั้งที รูปการก็เลยออกมาเป็นแบบนี้นี่แหละ

 

อัตสึโตะลากขาผ่านอาคารที่ยังมีแค่ผู้ทำความสะอาดช่วงเช้า ไฟที่เปิดทิ้งไว้ตอนกลางคืนดับไปแล้ว เหลือแค่แสงสลัวๆ ยามเช้าส่องเข้ามา เสียงฝีเท้าของตัวเองสะท้อนก้องในทางเดินทำให้เกิดความรู้สึกสงบ ……สงบจนง่วง ..อีกแล้ว

ระหว่างที่เดินไปก้มมองพื้นไป คิดไปพลางว่าอาจจะไปนอนรับแดดที่เก้าอี้นวมริมระเบียงรอเวลาซ้อมไปก่อน ก็มีเสียงบางอย่างสะท้อนแว่วๆ บนทางที่ผ่านมา

 

“ชี่

 

ดวงตาที่ปิดไปครึ่งหนึ่งแล้วกระพริบหนึ่งครั้ง เสียงนั่นเป็นแบบเสียงลมที่พ่นออกมาระหว่างฟันที่ติดกันอยู่ แค่เบาๆ พอให้เกิดเสียงเท่านั้น ที่ญี่ปุ่น เสียงแบบนี้ใช้เตือนให้เงียบเสียงลงหน่อย ส่วนทางยุโรปกลับใช้เป็นเสียงเรียกความสนใจซะงั้น

อัตสึโตะเลือกที่จะเมิน คงจะเป็นแฟนบอลคนใดคนหนึ่งที่ตามเข้ามาถึงในนี้ อันที่จริงก็เป็นเขตห้ามคนนอกเข้ามาอยู่หรอก

แต่วิธีเรียกแบบนั้นก็คงเป็นคนเยอรมัน กับแฟนๆ ของเมืองนี้ล่ะก็ไม่กล้าเตือนเวลาทำผิดอะไรเท่าไหร่ ก็เพราะว่านอกจากภาษาที่ใช้สื่อสารจะไม่ค่อยดีแล้ว เขาก็อยากทำตัวให้เป็นเด็กดี เป็นที่รักของแฟนๆ ที่นี่ให้มากๆ อย่างไรก็ตาม ทำผิดกฎแบบนี้ก็จะขอเมินเฉยล่ะนะ

 

“ชี่”

 

ยังไม่หยุดตอแยแฮะ

แบ็คขวาชาวญี่ปุ่นชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แน่นอนว่าในตอนเช้าแบบนี้ที่ร่างกายยังไม่ตื่นดีนักนั้น เขารู้ตัวว่าไม่มีอารมณ์จะยิ้มอย่างสุภาพแล้วเชิญให้กลับไปให้ใครได้หรอก

ก็เลยก้าวเท้าต่อไปอย่างเฉยเมย

แต่พอจะก้าวต่อ ก็โดนแขนข้างหนึ่งสอดมารวบเอวเอาไว้

 

“อ–!!!”

จะอ้าปากโวยวายก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อมืออีกข้างของผู้บุกรุกตะปบเข้าที่ปาก

ในวินาทีนั้นที่รู้สึกเหมือนกับความซวยกำลังจะมาถึงตัว อาจจะเป็นโจรก็ได้ อาจจะต้องตายแล้วก็ได้ สมองก็พุ่งพรวดไปถึงอีกคนที่ตอนนี้คงจะอยู่ห่างไกลจนไม่มีวันมาถึง

 

“จุ๊ๆ ฉันเอง

 

………………….อ๊ะ…..

ไม่ต้องมองหน้า อัตสึโตะก็จำเสียงได้ชัดเจน

เขาหยุดดิ้นรน แล้วยอมให้ผู้บุกรุกคนนั้นดึงเอวตามเข้าไปในล็อคเกอร์รูมแต่โดยดี

พอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกจากจะทำตาโตอย่างพิศวง มองร่างสูงโย่งที่หันกลับไปล็อคกลอนประตูเรียบร้อย รอจนกระทั่ง มานูเอล นอยเออร์ หันกลับมายิ้มให้เขา

 

เมื่อกี๊เพิ่งคิดว่าอยู่ไกลจนมาไม่ทันแล้วแน่ๆ อะไรคือการมาเป็นคนลักพาตัวซะเอง…

 

 

“ไง”

……ไง”

เสียง… บ้าชะมัด ทำไมเสียงของเขามันหวิวเหมือนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขนาดนี้ เพิ่งมารู้สึกตัวในวินาทีที่พูดออกไปแล้วว่าเสียงนั้นประหลาดเหมือนกับไม่ใช่ตัวเองที่พูดออกไปเองเลย

มานูเอลที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นกระทบกับแดดจนเสื้อที่สวมอยู่กลายเป็นสีที่เหมือนกับท้องฟ้าสดใส รอยยิ้มกว้างจนตาหยีบนใบหน้านั้นก็แสนจะอบอุ่นจนอยากจะเข้าไปซุ—— เอ๊ะ…เดี๋ยวนะ…

“อุตส่าห์มาดักรอ ยังจะเมินฉันไปอีก”

 

อัตสึโตะกระพริบตาสองสามครั้งเรียกสติตัวเองคืนมา “……มาดักรอเหรอ?”

“ก็เล่นมาเวลาเดิมตลอดเลย ทำไมจะไม่รู้ว่าต้องมาเจอเมื่อไหร่” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะเบาๆ แล้วมือคู่ใหญ่ก็แตะปลายคาง ชักนำให้เขาเงยหน้าขึ้นสบตาสีฟ้าเทาให้ชัดกว่าเดิม “แล้วก็ง่วงแบบนี้ตลอดเลยด้วย”

“เปล่าง่วง” ปากไปไวกว่าสมอง ทันทีที่รู้สึกว่าโดนหยอกก็ขอสวนกลับไว้ก่อนไปแล้ว

“เอ๊ะ อย่างนั้นเหรอ แต่ว่าตอนเดินผ่านไปน่ะ ตาจะปิดอยู่แล้วแท้ๆ”

“ตอนนั้นง่วงก็จริง แต่ตอนนี้ตื่นแล้ว” อดไม่ได้ขอจิกสักนิดเหอะ “เพราะใครบางคนดึงเข้ามาเนี่ย นึกว่าจะโดนฆ่าตายแล้วซะอีก”

 

พูดแบบนั้นออกไปแทนที่อีกฝ่ายจะโกรธกลับขำก๊ากออกมา อัตสึโตะฟังเสียงนั้น ปล่อยให้ความสบายใจแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว พอนอยเออร์ผายมือออกเล็กน้อย เขาก็ขยับตัวเข้าไปในอ้อมแขนกว้างโดยอัตโนมัติ

แขนที่โอบรัดกับแผ่นหลัง กลิ่นโคโลญจน์และอุณหภูมิร่างกายที่ต่ำกว่าเล็กน้อย เสียงหัวใจเต้นที่ได้ยินชัดเจน ให้ความรู้สึกดีและคุ้นเคยอยู่เสมอ ถ้าจะคิดอย่างเห็นแก่ตัวว่าที่ตรงนี้เป็นของตัวเองคนเดียว จะผิดมากไหมนะ

 

“ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ..”

“ก็ยูโรนัดต่อไปแข่งที่นี่?”

“ไม่ใช่แบบนั้น เรื่องแข่งน่ะรู้แล้ว หมายถึงว่าเช้านี้ต้องไปมูลนิธิของนายไม่ใช่เหรอไง”

“ตามข่าวฉันด้วยเหรอ…..”

 

เสียงนุ่มแฝงความดีใจปิดไม่มิดนั่นทำเอาคนฟังนึกเขินขึ้นมาจริงๆ จังๆ เหมือนมานูจะไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ ….ซึ่งก็ใช่ ตัวเองยังนึกแปลกใจเลย

ภาษาเยอรมันเนี่ยให้สื่อสารก็พอไหว แต่ให้อ่านนี่เกลียดซะจริงๆ ถึงจะเป็นอย่างนั้น… หน้าที่เปิดค้างไว้ในมือถือก็ยังเป็นเฟสบุคของคนตรงหน้านี่ เพราะฉะนั้นก็เลยรู้ดีว่ากำลังจะไปที่ไหน

ถึงได้ไม่คิดว่าจะมาเจอตอนนี้ไงล่ะ

 

“ตามสิ…” อุบอิบตอบได้แค่นั้น ไม่ได้เห็นสีหน้าของมานูเอลตอนที่ได้ยินคำตอบรับ แต่ตัดสินจากจูบที่กดลงมาเร็วๆ บนกระหม่อมก็พอจะรู้ได้โดยไม่ต้องถาม

“ใช่แล้ว ความจริงก็ต้องไปที่นั่นแหละ แต่ว่าอยากจะมาเจอก่อนก็เลยบอกไปว่าจะมาเยี่ยมสนามเพราะคิดถึง”

“คิดถึงสโมสร?”

“คิดถึงนาย”

 

อัตสึโตะฉีกยิ้มลงกับบ่ากว้าง แม้ว่าใจจะคิดว่าเสียทีอีกแล้วที่ปล่อยช่องให้อีกฝ่ายหยอดคำหวานมาได้อย่างทุกครั้ง ถึงเขินอายแต่ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ “ฉันก็คิดถึงมานูเหมือนกัน –อุ๊บ”

อยู่ๆ แขนคู่นั้นก็โอบแน่นขึ้นจนเกือบหายใจไม่ออก ได้ยินเสียงหอมดังฟอด นอยเออร์ซุกใบหน้าลงกับหัวของเขาแล้วบ่น “ขี้โกง”

คนโดนกอดเลยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ขี้โกงอะไร ปล่อยได้แล้ว” แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ สองแขนของตัวเองก็ไม่ละจากหลังของเจ้าตัวโตเหมือนกัน

“ทำตัวน่ารักกว่าที่เคยขนาดนี้นี่แหละที่ขี้โกง”

 

นั่นน่ะสินะ

ไม่ได้น่ารักกว่าที่เคยสักหน่อย ……….ถ้าเป็นคนพิเศษของกันและกัน ฉันก็ไม่เกรงใจที่จะให้ความสำคัญให้เต็มที่ในแบบของฉันอีกแล้ว

เป็นแบบนั้นต่างหากล่ะ

แต่ว่า จะไม่พูดออกไปให้ต้องเขินเองเป็นอันขาด เก็บไว้เป็นความลับที่มีแค่ตัวเองที่รู้นี่ล่ะดีแล้ว

 

 

“หน้าแดงไปหมดละมานู”

หนุ่มฝรั่งที่ผละออกจากเขายู่หน้าใส่ “…..อุตส่าห์พยายามไม่คิดแล้วแท้ๆ นะ”

“อะไร?”

“ไม่มีอะไร”

 

น่าสงสัย แต่จะถามต่อก็ไม่ใช่วิสัยของเขา พอหรี่ตาลงมองอย่างจับผิด กลับโดนหลบสายตา โดยที่ยังไม่ปล่อยมือที่เลื่อนลงมาจับไว้ที่แขน มานูเอลนั่งลงกับม้านั่งยาวในล็อคเกอร์รูม อีกมือก็กวักเรียกหยอยๆ ให้เข้าไปหา

ซึ่งอัตสึโตะที่เจ็บใจตัวเอง ก็เดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย “ไม่ต้องรีบไปเหรอ?”

“อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยไปก็ยังทัน”

 

เขานั่งลงข้างอีกฝ่าย ไม่แปลกใจเมื่อมือที่อบอุ่นแข็งแรงโอบศีรษะเข้ามาให้เอนเข้ากับหัวไหล่ได้พอดี

“ไถ่โทษที่ทำให้ตกใจ หลับเถอะนะ เดี๋ยวจะไปแล้วจะปลุก”

 

เอาแต่หาว่าเขาขี้โกง ตัวเองก็ขี้โกงไม่แพ้กันหรอก…

 

ก่อนมือที่สางผมให้อย่างแผ่วเบาและกลิ่นน้ำหอมอ่อนจะดึงเขาให้พักผ่อนชดเชยกับที่ตื่นเช้าขนาดนี้ไปก่อน อัตสึโตะก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ให้หลับแบบนี้… แล้วจะได้เจออีกเมื่อไหร่”

เสียงหัวเราะเบาๆ ของมานู สร้างความรู้สึกปลอดภัยและน่าไว้วางใจขึ้นเป็นทวีคูณ “ซ้อมเสร็จเย็นนี้จะไปหาที่บ้านนะ”

 

เย็นนี้สินะ จะได้ใช้เวลาร่วมกันอีกในเย็นนี้

“……อายาโกะซังต้องลำบากใจแน่เลย”

“ใช่ แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้หลับเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะตื่น”

 

 

ฟังคำที่หนักแน่นเหมือนประทับสัญญาไว้แบบนั้น อุจิดะ อัตสึโตะ ก็หลับตาลง

ความคิดสุดท้ายก่อนที่สติจะล่องลอยไปก็คือ

ถ้าหากช่วงเวลาที่ได้พบกันทุกเช้าแบบนี้ มาถึงในสักวันก็คงดี

 

 

 

END

เรื่องนี้ถูกเขียนใน RPF [Real person fiction] และติดป้ายกำกับ , , , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

8 ตอบกลับที่ [RPF นักบอล] 13 Oct. 2014; 07:39

  1. Dorapeepo พูดว่า:

    หวานไปแย้ววววววววววววววววววววววววววววว

    ไหนว่าเผาไงฟิคตอนนี้ ทำไมมันหวานล่ะคร่าาาาา

    แค่คำว่า “คิดถึง” พอเอาคนอ่านเขินบิดตัวม้วนหน้าไป10รอบ

    ตอนแรกนึกว่า พี่นอย ล็อคห้องทำอะไรสะอีก

    หรือจริงๆอยาก ต้องอยากสิ 555 ไม่งั้น คงไม่พูดว่า
    “…..อุตส่าห์พยายามไม่คิดแล้วแท้ๆ นะ”

    รอตอนหน้านะฮํบ

  2. Mickey พูดว่า:

    แหม่….. ไม่เบาๆ มาดักรอแต่เช้าแล้วได้ของรางวัลชิ้นโตแบบนี้ เป็นการกระทำที่คุ้มค่ามากมาย
    ว่าแต่ ถ้านอยเออร์เป็นโจรจริๆ อุจจี้อาจจะซวยไปแล้ว
    ไม่ได้ระแวดระวังตัวเองเสียเลย ว่าแล้วก็อยากไปดักฉุด ฮ่าๆๆๆๆๆ
    อุจจี้นี่ก็เป็นแฟนบอยนอยเออร์นะ ไม่งั้นคงไม่รู้เรื่องดีขนาดนี้…
    ถึงจะซึนไปนิด แต่ทำตัวน่ารักก็ยอมให้อภัยละกัน อิอิ

    แล้วนี่มีจะเจอกันตอนเย็นนี้ด้วย….
    อะไรคะ แบบนี้…. น้องหมีต้องมีตอนต่อไปสินะ
    ใช่แล้วเนอะ…. ตอนต่อไปต้องมา

    ปล….. ไปหาตอนเย็นๆเนี่ย…เขาไปทำอะไรกันเหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

  3. 【 kazu 】™ (@sushi_kame) พูดว่า:

    พี่หมีย์บร้าาาาาา ทำเค้าเขินจนเก็บของรีบกลับบ้านผิดๆถูกๆเลย ฮ่าๆ

    โอ่ยยยยย อ่านแล้วย้วยมากกกกกกกกกกก
    เขินมากกก บิดไปบิดมา ฮ่าาาาา
    มานูนี่รู้เวลารู้ใจไปหมดเลยนะ ดักฉุดกันเฉยยยย
    อุจจี้เวอร์ชั่นปากกับใจตรงกันมันก๊าวมากกกกกก
    ได้กำลังใจขนาดนี้ โลกก็ยิ่งกว่าสีชมพูววววววว
    ตอนหน้าก็เจอกันตอนเย็นสินะคะ
    อิ_____อิ พยายามจะไม่คิดดดดดดด รอพี่หมีย์มาลงต่อดีกว่า

  4. Nim พูดว่า:

    หวานมาก อ่านแล้วอมยิ้มเลย
    ขอบคุณนะคะ

  5. roserin26 พูดว่า:

    ไม่ได้รู้จักคู่นี้หรือวงการกีฬาอะไรเลยก็ว่าได้(หลงมานั่นแหละค่ะ) แต่ในแง่ของเรื่องราว คุณแต่งได้อมยิ้มชวนเอ็นดูคนในเรื่อง และโทนเรื่องก็น่ารักแบบละมุนๆดีจังค่ะ ^^b

  6. Bepine พูดว่า:

    ฟิคน่ารักมากเลย นี่สารภสพเลยนะว่าบีไพน์ไม่รู้จักคู่นี้ แต่คือลองเปิดเข้ามาอ่านดูแล้ว เอ้ย ใช่ๆ สนุกอ่ะ
    เลยกลายเป็นติดแบบนี่แล ฮ่าๆๆๆ
    ฟิคสนุกจริงๆ ขนาดไม่รู้จักคู่นี้(สักคน)ก็ยังสามารถอ่านไปอินไปด้วยได้ อรั้ย ฟิน….>\\\\\< ขอทำหน้ากามแปปส์.

  7. khangarn พูดว่า:

    ทำไมไม่มี NC คะพี่หมี //โดนตบ

  8. OriginallyFakeOne (@nawa_sama) พูดว่า:

    เห…เราไปหลงอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งมาเห็นว่ามีฟิตตอนนี้อยู่ด้วย
    อั่ยหย่า…น่ารักอย่างแรงเลยนิ
    อุ่นๆหวานๆ ละมุนตุ้นมากเลย
    จีบกันกุ้งกิ้งแล้วก็พิงกันนอน แต่ทำไมมันฟินขนาดนี้ละค๊าาาาา
    กำลังเซ็งๆอยู่ เจอความน่ารักระดับนี้เข้าไป หายเซ็งเลย
    ขอบคุณน้องหมีมากนะคะสำหรับฟิคสดชื่นๆแบบนี้

มาสิจ๊ะมามะ ♥